6 สิ่งที่จะเกิดขึ้น หากทั้งโลกเป็นวีแกน
เรารู้ดีว่าคนทั้งโลกคงไม่เปลี่ยนเป็นวีแกนในชั่วข้ามคืน การเปลี่ยนแปลงคงจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ยอมแพ้ ไม่สู้เพื่อให้วันนั้นเกิดขึ้น พฤติกรรมการบริโภคของเราส่งผลกระทบต่อหลายๆ มิติในสังคม เพียงเราตัดสินใจที่จะเปลี่ยนวิถีการบริโภค เราก็จะสร้างโลกใหม่ได้ อยากรู้ใช่ไหมล่ะว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไรหากเราเปลี่ยนการบริโภค มาดูกันเลยดีกว่า
1. สัตว์กว่าล้านล้านชีวิต จะได้รับการละเว้นในแต่ละปี
สัตว์บกกว่า 150 ล้านชีวิตต้องถูกฆ่าในแต่ละปี เพื่อนำมาเป็นอาหาร หากเรานับรวมสัตว์น้ำทั้งจากน่านน้ำธรรมชาติและจากกระชังเลี้ยงปลาไปด้วยล่ะก็ จำนวนก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก ก็คือมากกว่าสามสิบล้านชีวิตในแต่ละวัน ความตายไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่พวกเขาต้องเผชิญ ยังมีชีวิตที่แสนทุกข์ทรมานก่อนจะถึงจุดจบของพวกเขาอีก โดยมากแล้วพวกเขามักจะถูกกักขังในสภาพที่เลวร้าย ถูกตัดอวัยวะร่างกายโดยไม่ใช้ชายาหรือยาแก้ปวด พรากแม่จากลูก และถูกผสมเทียมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีวิธีปฏิบัติทางปศุสัตว์อื่นๆ ที่โหดร้ายทารุณ
ภาพ: We Animals
2. ก๊าซเรือนกระจกจะลดลงฮวบฮาบ
ไม่ต้องสงสัยเลย เนื่องจากว่าการปศุสัตว์เป็นตัวการหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 14 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าก๊าซเรือนกระจกจากภาคการคมนาคมทั้งหมดรวมกันเสียอีก งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดระบุว่าอาหารที่มาจากพืชลดก๊าซเรือนกระจกจกการผลิตอาหารได้มากกว่าครึ่งเชียวนะ!
3. เราจะมีที่ดินว่างไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่น
การเลิกบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์อื่นๆ อาจลดพื้นที่ที่ใช้ในการเกษตรกรรมลงได้มากกว่า 75% นั่นหมายความว่าเราจะใช้เนื้อที่เพียง 3.1 พันล้านเฮคตาร์เพื่อปลูกพืชมาเป็นอาหาร ซึ่งเป็นขนาดเท่ากับทวีปแอฟริกาทั้งทวีป ที่ดินที่เหลืออาจนำมาปลูกต้นไม้ให้กลายเป็นป่า และช่วยดูดซับคาร์บอน แก้ไขปัญหาสูญเสียพื้นที่ป่าและหยุดยั้งการสูญพันธ์ของสายพันธ์สัตว์ปาที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
4. จะมีอาหารเหลือเผื่อแผ่ไปถึงคนอดอยาก เราเคยเขียนบทความเรื่องนี้ไปแล้ว ว่าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทำให้เกิดการใช้อาหารอย่างสิ้นเปลืองจำนวนมาก เราต้องใช้ธัญพืช 7 กิโลกรัมเพื่อที่จะผลิตเนื้อแดงให้ได้เพียง 1 กิโลกรัม ดร. วอล์ต วิลเลต์ ศาสตรจารย์วิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกล่าวว่า หากเรานำธัญพืชเหล่านี้ไปเป็นอาหารให้คนโดยตรงเลย จะมีอาหารกว่า 40 ล้านตัน และยุติปัญหาความอดอยากในโลกได้ได้โดยปริยาย ขณะนี้ มีธัญพืชกว่า 760 ล้านตันนำไปเป็นอาหารสัตว์ในแต่ละปี
5. จะลดอัตราการเสียชีวิตได้กว่า 8.1 ล้านกรณี
มีงานวิจัยหลายฉบับที่แสดงให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคเนื้อสัตว์และโรคทางหลอดเลือด (โรคหัวใจ และเส้นเลือดในสมองแตกเป็นสาเหตุการเสียชีวิตหลักในโลกนี้ ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา) โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคเหล่านี้สูงกว่าในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในเอเซียตะวันออกและเอเซียใต้ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดระบุว่าอาหารวีแกนจะทำให้กรณีการเสียชีวิตลดลงกว่า 8.1 ล้านราย
ไม่ใช่แค่รักษาชีวิตไว้ได้เท่านั้น แต่ยังประหยัดเงินที่จะเสียไปกับระบบประกันสุขภาพ และประกันสังคม และวันทำงานที่คนใช้ลาหยุดเพื่อไปรักษาตัว ซึ่งเป็นเงินที่นำไปลงทุนกับอย่างอื่นได้ ในประเทศสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียว บริการประกันสุขภาพคิดเป็นมูลค่ากว่า 700 ถึง 1000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ผลดีที่ตามมาก็คือก๊าซเรือนกระจกลดลง เศรษฐกิจดีขึ้น ทำใหรัฐบาลได้ประหยัดเงินเพิ่มได้อีก 570 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
6. ประหยัดน้ำได้ปริมาณมหาศาล
แหล่งน้ำจืดในหลายแห่งในโลกนี้กำลังเหือดแห้ง ทำให้หลายพื้นที่เผชิญสภาวะ “ขาดแคลนน้ำ” ถึงจะประหยัดน้ำได้ปริมาณเล็กน้อยก็ถือว่ามีความหมายมาก การเกษตรใช้น้ำมากถึง 92 เปอร์เซ็นต์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ก็ใช้น้ำปริมาณกว่าหนึ่งในสามของน้ำทั้งหมดที่ใช้ในการเกษตร
ผักโดยมากใช้น้ำในการผลิต 322 ลิตรต่อกิโลกรัม ส่วนผลไม้ใช้น้ำในการผลิต 962 ลิตรต่อหนึ่งกิโลกรัม ส่วนผลิตภัณฑ์จากสัตว์ใช้น้ำเยอะกว่านั้นมาก ไก่หนึ่งกิโลกรัมใช้ใน 4,325 ลิตร ส่วนเนื้อวัวใช้น้ำ 15,415 ลิตรต่อหนึ่งกิโลกรัม ยังไม่รวมถึงปัญหามิลพิษทางน้ำ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำฟาร์ม ซึ่งจะบรรเทาลงไปได้หากคนหันมากินอาหารจากพืช น้ำที่ใช้ในการผลิตเนื้อสัตว์จะกลับเข้าสู้สิ่งแวดล้อมในรูปแบบของสิ่งปฏิกูลและน้ำเสีย และมูลจากสัตว์ก็มีสารต่างๆ มากมาย รวมถึงสารอาหารที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ยูโทรฟิเคชั่น น้ำปนเปื้อนยา โลหะหนัก และเชื้อโรคต่างๆ
ตัวคนเดียวเราคงทำอะไรมากไม่ได้ แต่ถ้ามีคนเป็นล้านๆ คนทั่วโลกเลิกกินสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ล่ะก็ เราจะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน มาเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงกันดีกว่า!