กรีนพีซเผย 85% ของขยะในบางพื้นที่ของมหาสมุทรเป็นอุปกรณ์จับปลา
รายงานฉบับใหม่โดยกรีนพีซระบุว่า อุปกรณ์จับปลาที่หลุดจากเรือหลือถูกทิ้งอย่างตั้งใจเป็นขยะพลาสติกจำนวนมากที่สุดในมหาสมุทร โดยคิดเป็นถึง 85% ของขยะทั้งหมดในบริเวญภูเขาและเทือกเขาใต้สมุทร และแพขยะใหญ่แห่งมหาสมุทรแปซิฟิก
ตัวเลขดังกล่าวยืนยันผลการศึกษาจากงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ระบว่าแหจับปลาคิดเป็น 46% ของขยะทั้งหมดที่พบในแพขยะใหญ่แห่งมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ก็เป็นอุปกรณ์จับสัตว์น้ำประเภทอื่นๆ แพขยะใหญ่แห่งมหาสมุทรแปซิฟิกประกอบด้วยมวลขยะขนาดใหญ่สองแพ ซึ่งมีแต่จะโตขึ้นเรื่อยๆ แพหนึ่งอยู่ระหว่างเกาะฮาวายและแคลิฟอร์เนีย ส่วนอีกแพยาวจากญี่ปุ่นและทอดตัวมาจนถึงหมู่เกาะฮาวาย และขณะนี้มีขนาดใหญ่กว่าประเทศฝรั่งเศสสามเท่า นักวิทยาศาสตร์ประมาณการว่าขยะส่วนใหญ่มากจากประเทศเอเชียห้าประเทศ ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม
โดยรวมแล้วอุปกรณ์จับสัตว์น้ำที่ถูกทิ้งคิดเป็น 10% ของขยะพลาสติกทั้งหมดในท้องมหาสมุทร แต่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่านั้นมากๆ หากดูแค่ขยะพลาสติกที่ลอยอยู่บนผิวน้ำย่างเดียว แล้วเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวนี้ยังไม่คิดรวมถึงพลาสติกที่มาจากอุตสาหกรรมการประมงอีก เช่นบรรจุภัณฑ์ หีบห่อ เทปกาว และทุ่นลอยน้ำ
กรีนพีซประเมินไว้ว่า แห เบ็ด และอุปกรณ์ดักจับสัตว์น้ำประเภทอื่นๆ กว่า 640,000 ตันจากการประมงพาณิชย์ถูกทิ้งลงทะเลในแต่ละปี 6% ของแหทั้งหมดที่ใช้ 9% ของกรงดักสัตว์น้ำ และ29% ของเบ็ดราวทั้งหมด (เบ็ดราวคือเบ็ดขนาดยาวหลายกิโลเมตร) กลายเป็นขยะในท้องทะเล
อุปกรณ์เหล่านี้ทำจากพลาสติก และใช้กันมานานหลายทศวรรษ เนื่องจากว่ามีน้ำหนักเบา ลอยได้ และราคาถูก และด้วยลักษณะเหล่านี้เอง ทำให้อุปกรณ์จับปลาเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำมาก อุปกรณ์เหล่านี้ใช้เวลานานนับศตวรรษกว่าจะย่อยสลาย และทำให้สัตว์น้ำต่างๆ เข้ามาติด และสุดท้ายก็ต้องตายเพราะจมน้ำ หรืออดอาหารจนตาย เนื่องจากกลับไปบนผิวน้ำเพื่อหายใจ หรือไปหาอาหารไปไม่ได้ นอกจากนี้ยังเป็นภัยต่อสัตว์ที่คิดว่าวัตถุเหล่านี้เป็นอาหาร แล้วยังมีประเด็นเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านการเดินเรืออีก
สัตว์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่สัตว์น้ำที่มีเปลือกหรือกระดองจำพวกกุ้งและปู เต่า นกทะเล วาฬ ฉลาม และโลมา ในปี 2018 มีการพบเต่าทะเลกว่า 300 ตัวลอยตายอยู่ในน่านน้ำประเทศเม็กซิโก หลังจากที่เข้าไปติดอยู่ในแหจับปลา
สัตว์น้ำลูกหลง
นอกจากพลาสติกที่ถูกโยนทิ้งลงในทะเลแล้ว การประมงพาณิชย์ก็ยังก่อภัยอย่างอื่นต่อท้องทะเลอีก ปัญหาที่ว่าก็คือสัตว์น้ำลูกหลง การประมงโดยมากใช้การอวนลาก ซึ่งเป็นเทคนิคการทิ้งอวนขนาดใหญ่ลงสู่พื้นทะเล แล้วลากเป็นระยะทางหนึ่งเพื่อจับปลาที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น แต่เนื่องจากว่าในพื้นที่หนึ่งๆ มีสัตว์น้ำอยู่หลากหลายชนิด สัตว์น้ำหลายชนิดที่คนไม่กินก็ติดอวนลากมาด้วย สัตว์น้ำเหล่านี้เองที่เราเรียกว่าสัตว์น้ำลูกหลง เมื่อมีสัตว์น้ำโดนลูกหลงมากๆ ก็นำไปสู่การใกล้สูญพันธุ์ของสัตว์ทะเลหลายชนิด
WWF ประเมินว่าสัตว์น้ำที่โดนลูกหลงคิดเป็นอย่างน้อย 40% ของสัตว์น้ำที่จับได้ในแต่ละปี หรือเท่ากับ 38 ตัน และนี่ก็อาจจะเป็นเพียงการประเมินอย่างต่ำๆ ด้วยซ้ำ เนื่องจากสถิตินี้มีข้อมูลน้อยมากเกียวกับสัตว์น้ำขนาดใหญ่ เช่นเต่า สัตว์ประเภทวาฬและโลมา และนกทะเล ซึ่งก็โดนลูกหลงด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้รายงานของ WWF ก็ยังระบุอีกว่าในแต่ละปีวาฬขนาดเล็กและโลมากว่า 300,000 ชีวิตต้องตายเนื่องจากเข้าไปติดในแหจับปลา ทำให้การประมงพาณิชย์เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญพันธ์ของสายพันธุ์สัตว์ประเภทวาฬและโลมา
ภาพจาก : Mercy for Animals
นี่ยังไม่รวมถึงปลาซึ่งเป็นผู้รับเคราะห์หลักของอุตสาหกรรมการประมง! รายงานจากจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่าในปี 2012 มีการจับปลากว่า 91.3 ล้านตัน และจำนวนนี้ก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากคนมองชีวิตปลาว่าไร้ค่า สถิติก็เลยออกมาเป็นน้ำหนัก ไม่ใช่จำนวนชีวิต แต่ถ้าให้ประมาณจำนวนชีวิต ก็คงจะประมาณสามพันล้านชีวิตต่อปี
ปลาเป็นสัตว์ที่ฉลาดและมีความรู้สึก ปลาบางชนิดรู้จักใช้เครื่องมือเพื่อล่าเหยื่อและบางชนิดก็ดูและลูกปลาอย่างรักใคร่ทะนุถนอม เมื่อถูกฆ่ามาเป็นอาหาร ปลาต้องเจอกับการตายอย่างช้าๆ ทว่าทรมานอย่างมาก โดยมักจะตายเพราะขาดาอากาศหายใจ เนื่องจากหายใจไม่ได้หากไม่ได้อยู่ในน้ำ หรือถูกผ่าตัว หรือถลกหนังทั้งเป็น
รายงานจากมูลนิธิเอลลเน แมคอาเธอร์ ซึ่งเผยแพร่เมื่อปี 2016 ใน World Economic Forum กล่าวว่าในปี 2050 จะมีขยพลาสติกในทะเลมากกว่าจำนวนปลา แน่นอนว่าเราต้องทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เช่นการเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เช่นหลอด ถุง และกล่องใส่อาหารก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่เราต้องทำให้มากกว่านี้และหยุดการประมงพาณิชย์ด้วย
แล้วรู้ไหมว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะหยุดการประมงพาณิชย์ได้คืออะไร ก็คือการเลิกกินปลาไงล่ะ! ทั้งดีต่อสุขภาพมากกว่า ต่อกว่าต่อสัตว์ และต่อโลกของเราด้วย หากอยากมาช่วยเราเผยแพร่ไลฟ์สไตล์แบบวีแกน มาร่วมทีมอาสาสมัครของเราสิ คลิกที่นี่