ประเทศไทยร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ "ไข่ไก่ปลอดกรง" ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: เปิดตัวไวท์เปเปอร์ Global Transition Towards Acceptable Business Models ณ ประเทศอินโดนีเซีย
- vchalermlapvoraboo
- 30 minutes ago
- 1 min read

จาการ์ตา, อินโดนีเซีย - 11 ธันวาคม 2568: ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล ประเทศไทย ร่วมกับ Act For Farmed Animals (AFFA) ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ประกอบด้วย Animal Friends Jogja และ Sinergia Animal International ได้จัดการประชุมหลายภาคส่วนเพื่อเปิดตัวรายงานฉบับใหม่ “Cage-Free Eggs: Global Transition Towards Acceptable Business Models” ณ โรงแรม Ashley Wahid Hasyim ใจกลางกรุงจาการ์ตา: ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล ประเทศไทย ร่วใกับ Act For Farmed Animals (AFFA) ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ประกอบด้วย Animal Friends Jogja และ Sinergia Animal International ได้จัดการประชุมหลายภาคส่วนเพื่อเปิดตัวรายงานฉบับใหม่ “Cage-Free Eggs: Global Transition Towards Acceptable Business Models” ณ โรงแรม Ashley Wahid Hasyim ใจกลางกรุงจาการ์ตา
ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการอภิปรายครั้งนี้ โดยร่วมกับผู้แทนจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านของภูมิภาคไปสู่ระบบการผลิตไข่ไก่ปลอดกรง คณะผู้แทนไทยประกอบอย่างเช่น The Sukhothai Bangkok ผู้แทนจากกรมปศุสัตว์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยไทย รวมถึงผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนจากภาคธุรกิจอาหารของไทย สะท้อนถึงความก้าวหน้าของประเทศไทยในการยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์และการพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืน
การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 50 คน จากหลายภาคส่วน ได้แก่ สถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน ผู้ผลิต มาตรฐาน/หน่วยรับรอง ที่ปรึกษา และภาคธุรกิจ ผู้แทนสำคัญประกอบด้วย คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Gadjah Mada สำนักงานควบคุมพืชและสัตว์ของจังหวัดชวาตะวันตก มูลนิธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย (YLKI) กระทรวงเกษตรอินโดนีเซีย รวมถึงองค์กรระดับภูมิภาค เช่น สหพันธ์สัตวแพทย์เอเชียแห่งมาเลเซีย การมีส่วนร่วมดังกล่าวช่วยเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือด้านสวัสดิภาพสัตว์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รายงานฉบับนี้พัฒนาโดยแผนกสวัสดิภาพสัตว์และงานวิจัยของ Sinergia Animal International นำเสนอรูปแบบธุรกิจที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมไข่ พร้อมชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการเลิกใช้กรงตับ รายงานระบุว่า แม่ไก่ที่ถูกขังในกรงไม่สามารถแสดงพฤติกรรมพื้นฐานตามธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดความเครียดและปัญหาด้านสวัสดิภาพในระยะยาว
เฟอร์นันดา วิเอรา ผู้ร่วมเขียนรายงานและผู้อำนวยการแผนกสวัสดิภาพสัตว์และงานวิจัย กล่าวว่า “กรงตับยังคงเป็นหนึ่งในระบบการผลิตอาหารที่สร้างผลกระทบรุนแรงที่สุดต่อสัตว์ การทบทวนข้อมูลด้านสวัสดิภาพพบว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบไข่ไก่ปลอดกรงสามารถลดความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของแม่ไก่ได้มากกว่า 7,000 ชั่วโมงตลอดอายุการเลี้ยง”
ภายในงาน องค์กรธุรกิจหลายแห่งได้แบ่งปันประสบการณ์การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบปลอดกรง ตัวอย่างเช่น โรงแรม Novotel Cikini ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการสู่การใช้ไข่ปลอดกรง 100% ภายในปี 2569 โดยได้แบ่งปันขั้นตอน การดำเนินงาน และผลลัพธ์เชิงบวก สะท้อนให้เห็นว่า “สวัสดิภาพสัตว์” เป็นการลงทุนที่ช่วยยกระดับความยั่งยืนของธุรกิจได้จริง
ไอชะ นูรูล ฟิตรี ผู้นำรายงานไวท์เปเปอร์ของ ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล กล่าวว่า
“เป้าหมายของเราคือกระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ หันมาใช้ระบบไข่ไก่ปลอดกรง และแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านนี้เป็นไปได้จริง การประชุมครั้งนี้เปิดพื้นที่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้พบปะ แลกเปลี่ยน และร่วมสร้างความร่วมมือ เพื่อผลักดันอนาคตที่ปลอดกรงให้เกิดขึ้นในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย เพราะแนวโน้มตลาดกำลังค่อย ๆ เคลื่อนไปสู่ทิศทางนี้แล้ว”
นอกจากนี้ หลุยซ์ มาซซอน จาก Humane Farm Animal Care ซึ่งเป็นองค์กรรับรองมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ระดับสากล ได้กล่าวปาฐกถาเน้นย้ำบทบาทสำคัญของระบบการรับรองในกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ไข่ปลอดกรง โดยกล่าวว่า “การรับรองเป็นสิ่งสำคัญ แต่ยังไม่เพียงพอ ผู้ผลิตต้องมีระบบตรวจสอบย้อนกลับและได้รับการอบรมเพื่อให้สามารถรักษามาตรฐานได้อย่างเข้มงวด ปฏิบัติตามกฎได้อย่างสม่ำเสมอ และให้ความรู้แก่ผู้บริโภค นั่นคือเหตุผลที่ Humane Farm Animal Care พัฒนาระบบที่ทั้ง ‘รับรองมาตรฐาน’ และ ‘ติดตามพัฒนาการของผู้ผลิต’ ไปพร้อมกัน”
แรงขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนในประเทศไทยและภูมิภาค
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไข่รายใหญ่ของเอเชีย โดยมีการส่งออกกว่า 1.5 หมื่นล้านฟอง (ข้อมูลปี 2024) การประชุมครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเรียนรู้แนวปฏิบัติระดับสากล และแนวโน้มการผลิตไข่ที่ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของโรงแรมระดับสากล ผู้ค้าปลีก และธุรกิจอาหารที่ดำเนินงานในประเทศไทย
แนวโน้มด้าน ESG ในภาคธุรกิจยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีกรอบนโยบาย เช่น Thailand Sustainable Finance Roadmap และ Green Taxonomy ตลาดทุนไทยเองก็ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน โดยล่าสุดมีบริษัท 228 แห่งติดอันดับ THSI เพิ่มขึ้น 43% ในกลุ่ม SMEs พฤติกรรมผู้บริโภคไทยยังเปลี่ยนไป โดยผลสำรวจของ Nielsen ระบุว่า กว่า 70% ของผู้บริโภคไทย โดยเฉพาะ Gen Z และ Millennials ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบและโปร่งใส
ในระดับภูมิภาค เอเชียมีบริษัทมากกว่า 300 แห่งที่ประกาศนโยบายไข่ปลอดกรงแล้ว หลายประเทศมีหมุดหมายสำคัญ เช่น ภูฏานประกาศแบนกรงตับตั้งแต่ปี 2012 ไต้หวันกำหนดมาตรฐานไข่ปลอดกรงระดับชาติ เกาหลีใต้รับรองความรู้สึกเจ็บปวดของสัตว์ในกฎหมาย และมาเลเซียปรับปรุงกฎหมายสวัสดิภาพสัตว์ สะท้อนแรงสนับสนุนระดับภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นต่อการผลิตที่เป็นมิตรต่อสัตว์
ศนีกานต์ รศมนตรี ผู้อำนวยการ ซิเนอร์เจีย แอนนิมอบ ประเทศไทย กล่าวว่า
“ก้าวสำคัญต่อจากนี้คือการทำให้ข้อมูลมีความถูกต้องและเข้าถึงได้จริง ความโปร่งใสไม่ใช่แค่ ‘คุณค่า’ แต่เป็นรากฐานของความก้าวหน้า เราต้องร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้กำหนดนโยบายเพื่อทบทวนช่องว่างทางกฎหมายในการผลิตไข่และการติดฉลาก และทำให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือเข้าถึงได้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของแม่ไก่ไข่ในประเทศไทย”
การประชุมสรุปด้วยการอภิปรายความท้าทายของการทำฟาร์มปลอดกรง ครอบคลุมเหตุผล ความจำเป็น และแนวทางความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อสนับสนุนการเติบโตของระบบปลอดกรงในไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
ดาวน์โหลดรายงานภาษาไทยได้ที่นี่











Comments