top of page

การใช้ปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสมกับสัตว์ในฟาร์มเป็นภัยคุกคามสาธารณะสุขระดับโลก



ทุกวันที่ 18 ถึง 24 พฤศจิกายนของทุกปี องค์การอนามัยโลก (World Health Organisation: WHO) ประกาศให้เป็นสัปดาห์ความตระหนักรู้เรื่องยาต้านจุลชีพโลก ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการสร้างความตระหนักให้กับประชาชนต่อภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่ร้ายแรง ซึ่งเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะและยาต้านจุลชีพอื่น ๆ ในทางที่ผิด จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 700,000 คน เนื่องจากโรคดื้อยา และคาดการณ์ว่าจำนวนนี้อาจเพิ่มขึ้นถึง 10 ล้านคน ภายในปี 2593 หากไม่มีการดำเนินการใด ๆ


วิชญะภัทร์ ภิรมย์ศานต์ ผู้จัดการฝ่ายแคมเปญ องค์กรพัฒนาเอกชน ซิเนอร์เจีย แอนิมอล กล่าวว่า “ระบบอาหารการกินของเรา ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์จากสัตว์เป็นอย่างมาก และปศุสัตว์ก็เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ที่นำไปสู่การดื้อยาต้านจุลชีพ”


ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเผยว่า 80% ของยาปฏิชีวนะที่สำคัญทางการแพทย์ในบางประเทศนั้นถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ โดยรายงานขององค์การอนามัยโลกหลายฉบับแสดงให้เห็นว่า การใช้ยาปฏิชีวนะในปริมาณที่มากและบ่อยครั้งในสัตว์ที่เลี้ยงเพื่อการบริโภคของมนุษย์นั้น ส่งผลให้เกิด "ซูเปอร์บั๊ก" (Superbugs) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะ และไม่ตอบสนองต่อการรักษาโดยยาปฏิชีวนะแบบดั้งเดิม


อุตสาหกรรมปศุสัตว์ ที่เป็นจุดศูนย์รวมของสัตว์หลายล้านตัว เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการแพร่กระจายของซูเปอร์บั๊ก จากข้อมูลของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ความเครียดเนื่องจากการกักขัง สภาพสุขาภิบาลที่ไม่ดี และการขาดความหลากหลายทางพันธุกรรมของสัตว์ ส่งผลให้เกิดสภาวะที่ง่ายต่อการเกิดโรคและการแพร่กระจาย “ในโรงงานเหล่านี้ สัตว์มักได้รับยาปฏิชีวนะ ไม่ใช่เพื่อรักษาความเจ็บป่วย แต่เพื่อป้องกันและส่งเสริมการเจริญเติบโตที่เร็วขึ้น โดยสัตว์เหล่านี้สามารถกลายเป็นพาหะของซูเปอร์บั๊กซึ่งแพร่เชื้อสู่มนุษย์ได้” วิชญะภัทร์ อธิบาย

ซูเปอร์บั๊ก แพร่สู่คนได้อย่างไร

ซูเปอร์บั๊ก สามารถถ่ายทอดสู่มนุษย์ได้หลากหลายวิธี ผ่านการปนเปื้อนใน ดิน น้ำ อากาศ หรืออาหารของเรา รวมไปถึงผ่านทางมูลสัตว์และของเหลวอื่น ๆ

ซูเปอร์บั๊ก สามารถแพร่กระจายผ่านทางอากาศได้ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยไอโอวาค้นพบแบคทีเรียที่ทนต่อยาปฏิชีวนะที่เรียกว่า MRSA ที่ลอยอยู่ในอากาศ และล่องไปตามลมสองร้อยเมตรจากฟาร์มหมูในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ การวิจัยจากมหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอปกินส์ พบแบคทีเรียที่ทนต่อยาปฏิชีวนะในอากาศภายในรถของนักวิทยาศาสตร์ หลังจากที่พวกเขาขับรถตามหลังรถบรรทุกที่ขนไก่

คนงานอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ชุมชนในพื้นที่ใกล้ฟาร์มปศุสัตว์ และโรงฆ่าสัตว์ มีสิทธิ์เสี่ยงต่อการได้รับผล กระทบเป็นอย่างมาก การศึกษาที่ตีพิมพ์โดยศูนย์โรคติดเชื้ออุบัติใหม่พบว่า ผู้ที่ทำงานในฟาร์มสุกรมีแนวโน้มที่จะมีแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาหลายชนิด รวมไปถึง Methicillin (MDRSA) มากกว่าคนปกติถึงหกเท่า สืบเนื่องจากการที่พวกเขามีการสัมผัสโดยตรงกับเนื้อ เลือด อุจจาระ น้ำลายและของเหลวในร่างกายอื่น ๆ ของสัตว์ที่เลี้ยงในฟาร์ม อีกทั้ง ชุมชนและผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงอาจได้รับการปนเปื้อนจากอากาศและน้ำที่มาจากสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงงานอีกด้วย

ประเทศที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง มีแนวโน้มที่จะประสบปัญหามากกว่า

แม้องค์การอนามัยโลกได้ออกมาแนะนำให้ประเทศต่าง ๆ ร่วมรณรงค์ลดการใช้ยาต้านจุลชีพที่สำคัญทางการแพทย์ในสัตว์ที่บริโภคเป็นอาหารทั้งหมด แต่สถานการณ์ก็มีแนวโน้มที่จะวิกฤตมากขึ้นในประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง โดยการใช้ยาปฏิชีวนะมีการเพิ่มขึ้น เนื่องจากการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารจากสัตว์มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะโตเพิ่มขึ้นถึง 67% ภายในปี 2573

การศึกษาในปี 2562 โดยนิตยสาร Science พบว่ามีการดื้อยาต้านจุลชีพในหลายพื้นที่ตอนใต้ของโลก ได้แก่ ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดงที่เวียดนาม ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย รวมถึงทางอินเดียตอนกลาง และตอนใต้ของจีน ซึ่งใกล้กับประเทศไทย

ทั้งนี้ ทางองค์กรซิเนอร์เจีย แอนิมอล ได้เสนอวิธีแก้ปัญหา โดยการเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่เน้นผัก ผลไม้ เพื่อเป็นวิธีการลดความต้องการของผลิตภัณฑ์จากสัตว์ พร้อมโปรแกรมท้าลองให้คุณเป็นวีแกน 22 วัน ที่ผู้เข้าร่วมจะได้รับคำแนะนำสูตรอาหารและการสนับสนุนจากนักโภชนาการประจำวัน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนได้แล้ววันนี้ที่ www.thaichallenge22.org

bottom of page